• อาทิตย์. ธ.ค. 3rd, 2023

10ร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย ที่สามารถหาในไทยและญี่ปุ่นได้

  • Home
  • 10ร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย ที่สามารถหาในไทยและญี่ปุ่นได้
10ร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย

10ร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย ที่เปิดในไทยและมีร้านแม่อยู่ที่ญี่ปุ่น

10ร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย เป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับคนรักการกิน อาหารญี่ปุ่น อย่างเราที่ทุกวันนี้ไม่ว่าจะเดินเข้าห้างหรือเข้าตามตรอกซอยใดก็มักจะเจอะเจอกับร้าน อาหารญี่ปุ่น และ อาหารเกาหลี หลากหลายแบรนด์ ร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยชื่อดังปี2023 ส่วนหนึ่งที่สะท้อนความสำเร็จของธุรกิจร้าน อาหารญี่ปุ่น ก็คือจำนวนสาขาที่ขยายไปในหลายพื้นที่

โดยคราวนี้เราจะแนะนำ เชนร้านอาหารญี่ปุ่น ที่โด่งดังในประเทศไทย แต่จะขอพาทุกคนวาร์ปไปกินสาขาแรกหรือสาขาแม่ในญี่ปุ่นแทน เผื่อไปเที่ยวญี่ปุ่นทริปหน้าทุกคนอยากจะลิ้มลองว่าร้านโปรดเหล่านี้มีส่วนเหมือนหรือต่างอย่างไรกับที่เราคุ้นเคยในไทยกันบ้าง

โยชิโนยะ (Yoshinoya) 10ร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย

10ร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย

เริ่มกันที่ร้านข้าวหน้าเนื้อ (Gyudon) อาหารญี่ปุ่น เมนูเรียบง่ายที่ราคาน่าคบและอยู่ท้องนั่นคือโยชิโนยะ ถือกำเนิดขึ้นในปี 1899 ที่ตลาดปลาในย่านนิฮอนบาชิ (Nihonbashi) กรุงโตเกียว โดยใช้ชื่อว่า Yoshinoya มาตั้งแต่แรกเริ่ม เมนูแรกที่วางขายคือข้าวหน้าเนื้อที่สมัยนั้นนิยมเรียกว่า “กิวเมชิ” (Gyu Meshi) โดยเสิร์ฟในชามอาริตะยากิ (Aritayaki) ซึ่งเป็นเครื่องลายครามหรูหราในสมัยนั้น

โยชิโนยะ (Yoshinoya) สาขาในญี่ปุ่น

10ร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย น่าเสียดายที่ทุกวันนี้โยชิโนยะสาขาตลาดปลาซึกิจิ (Tsukiji Fish Market) ซึ่งเป็นสาขาแรกในญี่ปุ่นได้ปิดตัวลงแล้วเมื่อปี 2018 แต่ยังมีสาขาแฟรนด์ไชส์มากมายทั่วญี่ปุ่นให้ลิ้มลองรสชาติในมาตรฐานเดียวกัน อย่างสาขาอากิฮาบาระจะมีดีไซน์ที่สวยแปลกตา โดยเมนู Gyudon (ขนาดปกติ) ราคา 352 เยน (ไม่รวมภาษี) ส่วนสิ่งที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดคือสาขาที่ญี่ปุ่นมักจะอยู่ริมถนนใหญ่หรือถนนคนเดิน ร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยชื่อดังปี2023 และมีหลายสาขาที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง แต่สาขาที่ไทยจะอยู่ในห้างสรรพสินค้าเท่านั้น

ฮะจิบัง ราเมน (Hachiban Ramen) อาหารญี่ปุ่น

10ร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย

พูดถึง อาหารญี่ปุ่น ร้านราเมนจากญี่ปุ่นที่คนไทยคุ้นเคยกันมากที่สุด คงปฏิเสธไม่ได้ว่าก็ต้องฮะจิบัง ราเมน แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าต้นกำเนิดของฮะจิบังอยู่ที่เมืองชนบทอย่างเมืองคากะ (Kaga) ในจังหวัดอิชิกาวะ บริเวณทางหลวง “หมายเลข 8” ซึ่งภาษาญี่ปุ่นคือคำว่า Hachiban เมนูแรกที่ทำขายคือราเมนที่โปะผัดผักเป็นท็อปปิ้ง ร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยชื่อดังปี2023 ซึ่งสามารถขายได้ถึงวันละ 1,300 ชาม ในขณะที่มีเก้าอี้นั่งเพียง 25 ที่เท่านั้น

10ร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย หลายคนไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วไม่เคยเห็นร้านฮะจิบัง ราเมนก็ไม่ต้องแปลกใจ เพราะสาขาเขากระจายอยู่ในจังหวัดอิชิกาวะ นากาโน่ โทยามะ ฟุกุอิ ไอจิ และโอคายาม่าซึ่งเป็นแถบที่คนไทยส่วนใหญ่อาจจะไม่ได้แวะเวียนไป ส่วนสาขาแม่ของฮะจิบังในญี่ปุ่นยังคงอยู่บริเวณเดิมกับที่ก่อตั้งร้านเมื่อปี 1967 ซึ่งถ้าเราไม่ได้เช่ารถขับก็คงหาโอกาสที่จะไปกินที่สาขานี้ได้ลำบาก สำหรับเกี๊ยวซ่า 6 ชิ้นนั้นราคาอยู่ที่ 275 เยน (รวมภาษี)

ยาโยอิ (Yayoi)

10ร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย

สำหรับ เชนร้านอาหารญี่ปุ่น อย่างยาโยอิที่เราคุ้นเคยกันนั้น อาหารญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นจะเรียกว่า Yayoiken หรือป้ายหน้าร้านที่ญี่ปุ่นก็จะเขียนภาษาอังกฤษว่า Teishoku Yayoi ถือกำเนิดขึ้นใน ค.ศ. 1989 ที่จังหวัดฟุกุโอกะ ขณะนั้นใช้ชื่อร้านว่า เมชิยะด้ง (Meshiyadon) โดยเน้นอาหารญี่ปุ่นแบบเซ็ต ต่อมาในปี 2006 จึงมีการเปลี่ยนชื่อเป็น Yayoiken และขยายสาขาไปยังภูมิภาคอื่นๆ ทั่วญี่ปุ่น รวมถึงต่างประเทศในชื่อ Yayoi

ยาโยอิเป็นร้านหนึ่งที่สาขาญี่ปุ่นกับไทยนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก ร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยชื่อดังปี2023 โดยเมนูขายดีที่ญี่ปุ่นก็คือ เซ็ตข้าวหน้าหมูผัดขิง (Shogayaki Teishoku) ราคา 640 เยน (รวมภาษี) และเมื่อสั่งเมนูเซ็ต อาหารญี่ปุ่น ก็จะสามารถลุกไปเติมข้าวสวยเองได้ฟรีไม่อั้น หากต้องการไปสัมผัสบรรยากาศของยาโยอิสาขาแรกต้องไปที่แถวๆ สนามบินฟุกุโอกะ (Fukuoka Airport)

โคโค่ อิฉิบันยะ (CoCoICHIBANYA) 10ร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย

10ร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย

10ร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย มาต่อกันที่ร้านข้าวราดแกงกะหรี่สไตล์ญี่ปุ่น (Curry Rice) ที่ใครๆ ก็รู้จักอย่างโคโค่ อิฉิบันยะ อาหารญี่ปุ่น โดยชื่อเต็มๆ ที่คนญี่ปุ่นเรียกกันคือ Curry House CocoICHIBANYA จุดเด่นที่ไม่ว่าสาขาไหนในโลกเหมือนกันก็คือการที่ลูกค้าสามารถเลือกระดับความเผ็ดได้ด้วยตัวเอง ลดหรือเพิ่มปริมาณข้าวสวยได้ อีกทั้งสามารถกำหนดท็อปปิ้งต่างๆ ตามที่เราอยากกินได้ตามใจชอบ ถือได้ว่าเป็นแบรนด์ร้านข้าวราดแกงกะหรี่ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก และมีจำนวนสาขามากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น

โคโค่ อิฉิบันยะสาขาแรกเปิดเมื่อปี 1978 ที่เมืองคิโยสึ (Kiyosu) จังหวัดไอจิ ใกล้กับนาโกย่า อาหารญี่ปุ่น อยู่ในทำเลที่มีรถไฟฟ้าหลายสายล้อมรอบ สำหรับที่สาขานิชิบิวะจิมะ (Nishibiwajima) ซึ่งเป็นสาขาแรกจะมีห้องจัดแสดงประวัติความเป็นมาของร้านคล้ายกับพิพิธภัณฑ์ด้วย เมนูแกงกะหรี่หมู (Pork Curry) ราคาที่ญี่ปุ่นคือ 514 เยน (รวมภาษี) นอกจากนี้แต่ละสาขายังมีเมนูพิเศษประจำสาขาด้วย

โอโตยะ (Ootoya)

10ร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย

ถ้าให้นึกถึง เชนร้านอาหารญี่ปุ่น ที่เสิร์ฟอาหารแบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่นละก็ หลายคนคงนึกถึงภาพของร้านโอโตยะ เพราะเขาเน้นอาหารญี่ปุ่นที่คนญี่ปุ่นทำกินกันในครอบครัว นำเสนอเมนูแบบเซ็ตสไตล์ญี่ปุ่น เมนูแทบทั้งหมดเป็นอาหารจานร้อน แต่เดิมเคยวางตัวเป็นร้านราคาประหยัด ทุกเมนู 50 เยน แต่ด้วยกาลเวลาที่เปลี่ยนไปคอนเซ็ปต์ของร้านก็ดูหรูหรามากยิ่งขึ้น จนสาขาที่เปิดใหม่ยิ่งจะต้องดูดีทุกกระเบียดนิ้ว

ต้นกำเนิดของโอโตยะนั้นอยู่ที่ย่านอิเคะบุคุโระ (Ikebukuro) ในโตเกียว เมื่อปี ค.ศ. 1958 ซึ่งปัจจุบันร้านนี้ยังอยู่บริเวณเดิม แม้จะมีขนาดที่ไม่ใหญ่มาก แต่ก็ได้รับความนิยมเสมอ ด้วยทำเลที่ผู้คนพลุกพล่านกับราคาที่เหมาะสมอย่างเซ็ตปลาซาบะย่างราคา 890 เยน (รวมภาษี) ใช้วิธีการย่างถ่านจนส่งกลิ่นหอม และคงรสชาติให้เรียบง่ายเหมือนกับกินที่บ้านมากที่สุด ในขณะเดียวกันก็มีเมนูตามฤดูกาลมากมายที่น่าลิ้มลอง

คัตสึยะ (Katsuya)

10ร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย

ร้านคัตสึยะเป็นร้านข้าวหน้าหมูทอด (Katsudon) และเมนูหมูทอด (Tonkatsu) ที่ได้รับความนิยมในไทยมาตลอดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จุดเด่นของร้านนี้คือให้ปริมาณทั้งข้าวทั้งกับเต็มจาน ใครกินก็ต้องอิ่มท้อง ในขณะเดียวกันก็ใส่ใจในเรื่องรสชาติ แต่สิ่งที่ดึงดูดให้ผู้คนกลับมากินที่ร้านบ่อยๆ ก็คือการตั้งราคาที่จับต้องได้ ในขณะที่บรรยากาศในร้านก็สะอาดสะอ้านแต่ไม่หรูหราเกินจนคนทั่วไปไม่กล้าเข้าไปใช้บริการ

ค.ศ. 1998 คัตสึยะสาขาแรกได้เปิดให้บริการที่เมืองซางามิฮาระ (Sagamihara) ในจังหวัดคานางาวะ ในปีถัดมาจึงขยายแฟรนด์ไชส์ไปหลายจังหวัดในญี่ปุ่นไปจนถึงต่างประเทศ จนในระยะเวลาเพียงไม่ถึง 20 ปีก็มีจำนวนสาขามากถึง 461 สาขาทั่วโลก สำหรับข้าวหน้าหมูทอดจานเล็ก ราคาที่ญี่ปุ่นอยู่ที่ 539 เยน (รวมภาษี) หน้าตาโดยทั่วไปไม่ต่างจากของสาขาในไทย แต่คงต้องลองกินเปรียบเทียบดูว่าจะเหมือนกันมากน้อยเพียงใด

เปปเปอร์ ลันช์ (Pepper Lunch)

10ร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย

บางคนอาจจะงงว่าเปปเปอร์ ลันช์เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นเหรอ? ใช่แล้วเปปเปอร์ลันช์คือร้านสเต๊กสัญชาติญี่ปุ่นที่นำเสนอเมนูสเต๊กในสไตล์คนญี่ปุ่นอย่างแฮมเบิร์กเสิร์ฟบนกระทะร้อน 300 องศา ทั้งข้าวทั้งสเต๊กจึงร้อนจนคำสุดท้าย อีกทั้งซอสนั้นผสมผสานระหว่างโชยุและกระเทียมทำให้ถึงแม้จะเป็นสเต๊กแต่ยังมีรสชาติความเป็นญี่ปุ่นอยู่ด้วย โดยที่ญี่ปุ่นมีสาขาหลากหลายรูปแบบมาก ทั้งแบบบ้านเดี่ยว แบบตึกแถว แบบร้านในฟู้ดคอร์ท ฯลฯ

เปปเปอร์ ลันช์ (Pepper Lunch) สาขาในญี่ปุ่น

เปปเปอร์ ลันช์สาขาแรกนั้นเปิดที่ย่านโอฟุนะ (Ofuna) ในเมืองคามาคุระ (Kamakura) จังหวัดคานางาวะเมื่อปี ค.ศ. 1994 ขณะนั้นมีเมนูสเต๊กเพียง 6 เมนูและสลัดเท่านั้น ปัจจุบันแม้สาขาแรกจะไม่มีแล้ว แต่ยังมีอีกหลายสาขาที่เราสามารถลิ้มลองบรรยากาศได้ อย่างสาขาคาบุกิโจ (Kabukicho) ในชินจูกุ แม้จะไม่กว้างมากแต่เรียกได้ว่าเป็นสาขาที่ดีไซน์สวยที่สุดสาขาหนึ่งเลย โดยเมนูซิกเนเจอร์ของร้านอย่าง Beef Pepper Rice ราคา 700 เยน มีกลิ่นหอมพริกไทยดำซึ่งเป็นที่มาของชื่อร้านนั่นเอง

เทนยะ (Tenya)

ร้านข้าวหน้าเทมปุระเทนยะ หรือที่ญี่ปุ่นเรียกกันว่า Tendon Tenya เป็นร้านโปรดของคนญี่ปุ่นสายประหยัด ด้วยราคาที่ถูกแต่สามารถกินกุ้ง ปลา หรือผักชนิดต่างๆ ที่นำไปชุบแป้งเทมปุระได้แบบจุใจ อีกทั้งรสชาติซอสที่ราดมาก็เป็นจุดที่ต่างจากเทมปุระที่อื่น หากสังเกตป้ายร้านจะเขียนภาษาอังกฤษว่า ASAKUSA ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทเจ้าของร้านนั่นเอง

สาขาแรกของเทนยะอยู่ที่ย่านร้านอาหารชั้นใต้ดินละแวกสถานีโตเกียว เปิดเมื่อปี ค.ศ. 1989 ซึ่งตอนนี้ก็ยังอยู่ที่เดิม บรรยากาศก็จะสลัวๆ ตามแบบฉบับร้านที่อยู่ใต้ดิน ให้ความรู้สึกส่วนตัว ปัจจุบันมีสาขาทั่วโลกประมาณ 230 สาขา จัดเป็นร้านข้าวหน้าเทมปุระจากญี่ปุ่นที่มีสาขามากที่สุด เมนูข้าวหน้ากุ้งเทมปุระ (Tendon) ขนาดปกติราคา 500 เยน (รวมภาษี) ซึ่งถือว่าเป็นจานที่ราคาเป็นมิตรต่อกระเป๋าสตางค์อย่างมาก (สามารถใช้เหรียญ 500 เยนเพียงเหรียญเดียวจ่ายได้)

กิวคาขุ (Gyu-Kaku)

ถึงคิวของบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง อาหารญี่ปุ่น เจ้าดังที่มีจำนวนสาขามากที่สุดในญี่ปุ่นอย่างกิวคาขุ ซึ่งสิ่งที่โดดเด่นของร้านนี้คือคุณภาพวัตถุดิบที่ดีเกินราคา โดยเฉพาะเนื้อคารูบิที่ปรุงมาในหลายรสชาติ รวมไปถึงเครื่องในส่วนต่างๆ ที่น่ากินทั้งนั้น โดยบางสาขาในญี่ปุ่นนั้นจะให้บริการเป็นแบบอะลาคาร์ทด้วย และยังเป็นร้านเจ้าของเดียวกับร้านบุฟเฟ่ต์ชาบู องยาไซ (Onyasai) ทำให้ทั้งสองร้านมักอยู่ใกล้ๆ กัน

กิวคาขุสาขาแรกอยู่ใกล้กับสถานีซันเกนจายะ (Sangen-jaya Station) ในเขตเซตากายะ (Setagaya) ของกรุงโตเกียว ที่หน้าร้านจะมีอักษร 本店 ตัวใหญ่มาก หมายถึง “สาขาแม่” เปิดเมื่อปี ค.ศ. 1996 แบ่งบุฟเฟ่ต์ออกเป็น 3 ราคา เริ่มต้น 2,980 เยนต่อคน โดยเมนูก็จะมีทั้งส่วนที่เหมือนและต่างจากสาขาในไทย แต่เมนูจำพวกเนื้อหลักๆ จะเหมือนกัน ถ้ามีโอกาสลองไปใช้บริการที่สาขาในญี่ปุ่นก็สามารถเปรียบเทียบรสชาติดูได้

โม โม พาราไดซ์ (Mo-Mo-Paradise)

ปิดท้ายด้วยบุฟเฟ่ต์ชาบูชาบูกับสุกียากี้ร้านโปรดในใจหลายคนอย่างโม โม พาราไดซ์ที่เปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1993 และมีสาขากว่า 10 ประเทศทั่วโลก สำหรับสาขาที่ญี่ปุ่นนั้นรับผักสดๆ มาจากฟาร์มในจังหวัดอิบารากิ ใช้เนื้อวากิวพันธุ์ขนดำเกรด A5 และเนื้อวัวญี่ปุ่นอร่อยๆ อีกหลายส่วน นอกจากนี้ไม่ว่าสาขาใดก็ตกแต่งบรรยากาศภายในร้านได้ดูดีมีระดับ ให้ความรู้สึกถึงมื้อแสนพิเศษอยู่เสมอ

โม โม พาราไดซ์ (Mo-Mo-Paradise) สาขาในญี่ปุ่น

สาขาต้นกำเนิดของโม โม พาราไดซ์อยู่แถวย่านคาบุกิโจ (Kabukicho) ในโตเกียว ซึ่งปัจจุบันย้ายไปอยู่บนอาคาร Humax Pavilion Shinjuku ในบรรยากาศหรูสุดๆ ถ้าเป็นคนที่ชื่นชอบร้านนี้อยู่แล้วควรค่าอย่างยิ่งที่จะไปลิ้มลองรสชาติออริจินัลถึงที่ โดยมี 3 ราคาให้เลือก ได้แก่ 3,000/5,000 และ 7,000 เยน (ไม่รวมภาษี) ซึ่งจำกัดเวลารับประทาน 1 ชั่วโมง 40 นาที

เว็บอื่นๆที่น่าสนใจ : โหลดเกมส์